รีวิว แปลรักฉันด้วยใจเธอ

นาดาวบางกอก อาละวาดอีกแล้วจ้ะและคราวนี้เป็นซีรีย์วาย ที่บอกได้เลยว่า ดีงามละเมียดละมุนเอามาก ๆ สำหรับใครที่เป็นสาวกซีรีส์ Y รับรองเลยว่ามีความสุข แต่หากใครที่ไม่เคยดูซีรีย์วาย มาก่อนและได้ดูซีรีส์เรื่องนี้เป็นครั้งแรก จะทำให้คุณเห็นความสวยงามของความรักได้อย่างชัดเจน มากขึ้น รีวิวซีรีย์วาย

 

รีวิว แปลรักฉันด้วยใจเธอ01

 

 

 

ประเภท – โรแมนติก-ดราม่า

สร้างโดย – นาดาว บางกอกไลน์ทีวี

เขียนโดย – นฤเบศ กูโน
– อรัชพร โภคินภากร
– การะเกด นรเศรษฐาภรณ์
– ณรณ เชิดสูงเนินกำกับโดยนฤเบศ กูโน (ฤดูกาลที่ 1)
– ทศพร เหรียญทอง (ฤดูกาลที่ 2)

แสดงนำ – พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล
– กฤษฏ์ อำนวยเดชกร

รีวิว แปลรักฉันด้วยใจเธอ

เรื่องราวแห่งมิตรภาพของ เต๋ (บิวกิ้น) และ โอ้เอ๋ว (พีพี) เพื่อนสนิทสมัยเด็กที่ห่างหายกันไปหลายปีด้วยความบาดหมางเล็กน้อย แต่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกและกินเวลายาวนานจนได้กลับมาพบกันอีกครั้งที่โรงเรียนกวดวิชาภาษาจีน

เพื่อเตรียมสอบแอดมิชชันเข้ามหาวิทยาลัย ต่างฝ่ายต่างมุ่งมั่นที่จะสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเดียวกัน จากเพื่อนรัก กลายมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญ แต่ความสัมพันธ์และเรื่องค้างคาในอดีต ทำให้สองคนผูกพันกันมากขึ้น รู้จักรู้ใจกันมากขึ้นจนพาไปสู่ความรู้สึกแบบใหม่ ที่ต่างก็ไม่เคยรู้สึกกันมาก่อน ความสัมพันธ์ครั้งนี้จึงมีทั้งความฝันและความผูกพันของเด็กหนุ่มสองคนเป็นเดิมพัน ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว แปลรักฉันด้วยใจเธอ02

 

พล็อตพื้น ๆ ออกมาแบบนี้เลยละจ้ะ แต่สามารถขยายมันออกมาได้มากมายจนกลมกลึง บทมีความละเอียดอ่อนและไม่ปล่อยความรู้สึกใดใดให้หลุดไปเลยสักนิดเดียว เนื้อเน้น ๆ ไม่มีน้ำ เคี้ยวกันหนึบหนับอร่อยลิ้น แต่ละฉากที่ออกมาสื่อสารความรู้สึกถึงใจคนดูได้อย่างเฉลียวฉลาด โดยเฉพาะภาษาภาพต่าง ๆ สามารถดึงให้เข้าถึงอารมณ์ตัวละครได้อย่างเนียน ๆ เป็นซีรีส์ที่มีความเรียลแตกต่างจากซีรีส์เรื่องอื่น ๆ เมื่อพูดถึงความจริงที่ว่า เมื่อความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ บางครั้งเราก็แปลหัวใจตัวเองไม่ออก

การใช้ภาษาจีนเป็นโครงสร้างของบทเป็นอะไรที่คลาสสิกเอามาก ๆ ในทุก ๆ ฉากจะมีการสื่อสารด้วยภาษาภาพ ภาษาพูด กริยาอารมณ์ของตัวละครต่อกันเป็นฉาก ๆ เผยให้เห็นความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปเรื่อย ๆ อย่างเป็นธรรมชาติและที่สำคัญ มันสวยงาม

ทุกบทสนทนาของตัวละครมีความหมายเรียกว่าเราจะทิ้งคำพูดไหนไปแบบไม่สนใจไม่ได้เลย มันมีความหมายแฝงอยู่ในนั้นแทบจะทุกประโยค ไม่ต้องถึงกับตั้งใจดูเลยนะคะ แต่ซีรีส์จะทำให้เราคลาดสายตาจากหน้าจอไปไม่ได้เองโดยอัตโนมัติ เพราะเราจะเหมือนเป็นส่วนหนึ่งกับเนื้อเรื่อง แทบจะนั่งอยู่ข้าง ๆ หรือร่วมความรู้สึกเดียวกันกับตัวละครเลยด้วยซ้ำในหลาย ๆ ฉาก

 

รีวิว แปลรักฉันด้วยใจเธอ03

 

จากเพื่อนสนิททั้งสองได้เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็น “แฟน” เมื่อ เต๋ “บิวกิ้น” และ โอ้เอ๋ว “พีพี” ต้องเดินทางจากบ้านเกิดที่ภูเก็ต ขึ้นมาเรียนที่กรุงเทพฯ เต๋พยายามจัดสรรเวลามานอนที่คอนโดโอ้เอ๋วเพื่อจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อกิจกรรมชมรมละครฝั่งเต๋เริ่มเข้มข้นขึ้น เวลาที่มีให้กันก็ลดน้อยลงไป ทั้งคู่ต้องเผชิญกับการปรับตัว เข้ากับความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ดูหนังออนไลน์ 

 

 

และโลกใบใหม่ที่ไม่มีทางรู้เลยว่าข้างหน้าจะเจอกับอะไรบ้าง แม้ว่าทั้งคู่นั้นจะเรียนคณะนิเทศศาสตร์เหมือนกัน แต่เพราะอยู่คนละมหาวิทยาลัย ทำให้ทั้งสองก็ได้พบเจอเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนกัน และสิ่งนั้นเองที่จะค่อยๆ หล่อหลอม เต๋ และ โอ้เอ๋ว ให้เติบโตขึ้นไปกันคนละทาง เส้นทางที่มาพร้อมกับความฝัน และคำสัญญาว่าจะรักกันไม่มีวันเปลี่ยนแปลง พวกเขาจะรักษามันไว้ได้จริงหรือไม่ ร่วมติดตามเรื่องราวชีวิตรักของ เต๋ และ โอ้เอ๋ว ได้ใน “แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2

ขออนุญาตออกตัวก่อนว่าไม่ได้ดูซีรีส์เพราะดราม่าเมื่อคืนนะ ตั้งใจแต่แรกว่าจะรอให้ซีรีส์ออกมาสักครึ่งนึงก่อนค่อยเริ่มดู เพราะจุดพีคของเรื่องน่าจะราว ๆ EP3 นี่แหละ เพราะครึ่งเรื่องพอดี แต่พอดูจบ เปิดทวิตเตอร์มา ดราม่ามาเต็ม ซึ่งเมื่อวานก็ไม่ได้เป็นวันที่ซีรีส์ฉายด้วย ทำให้ผมงงเข้าไปอีก แต่พอไล่อ่านดู เข้าใจว่าเหมือนจะมีดราม่าใน Clubhouse เลยมาต่อกันในทวิตน่ะ

เอาเป็นว่าผมก็จะรีวิวตามความรู้สึกที่ได้ดูไปแล้วกันนะครับ อาจจะมีปน ๆ กับที่ได้อ่านมา และเห็นต่างกับคนอื่นบ้าง ซึ่งรีวิวนี้จะเปิดเผยเนื้อหาสำคัญถึง EP3 ของ Part 2 ทั้งนี้ผมดูมาตั้งแต่ Part แรกแล้วแต่ไม่ได้รีวิว เพราะเป็นซีรีส์ที่ผมรู้สึกว่าเขียนรีวิวแบบไม่สปอยล์เลยยากมาก (Part แรก เลยไม่ได้เขียน แต่ต่อไปอาจจะมีเขียนแบบสปอยล์ปน ๆ มาบ้างครับ เดี๋ยวจะไม่ได้เขียนอะไรเลย ดูหนังฟรี

 

 

 

ใน Part 2 นี้ เต๋กับโอ้เอ๋วได้เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยแล้ว และอยู่กันคนละมหาลัย ซีรีส์เปิดเรื่องมาได้ดีเลยล่ะ ทั้งมุมมองของคนต่างจังหวัดที่เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ความฝันของเต๋ การเข้าชมรม การได้พบเพื่อนใหม่ของเต๋และโอ้เอ๋ว

ซึ่งเนื้อหาใน Part 2 เหมือนจะมีเป้าของซีรีส์อยู่แล้วว่าจะเล่นประเด็นเรื่องของความอยากเป็นนักแสดงของเต๋ และอาจลามไปถึงการเลิกกัน การเปลี่ยนไปของนิสัยตัวละคร เพราะการได้รู้จักสังคมใหม่ ๆ ผู้คนใหม่ ๆ

ซีรีย์เดินเรื่องไปหาเป้าหมายนั้นอย่างชัดเจนมาก มากเสียจนผมรู้สึกว่ามันมีความน่าอึดอัดอยู่พอสมควร คือมันแห้งแล้งไป ผมคิดว่าปัญหาคือซีรีส์ทำตอบโจทย์ GOAL ที่ตัวเองอยากจะไปให้ถึงมากเกินไป (ซึ่งผมคิดว่า GOAL นั้น น่าจะมาให้เห็นใน 2 ตอนสุดท้าย) ทำให้ความรู้สึกด้านบวกของซีรีส์มันมีอยู่น้อย..เหมือนบอกว่าอยากให้ซีรีส์มีรสเผ็ดก็เลยใส่พริกเยอะ ๆ ทำให้รสชาติอื่นจางลง เพราะไปหนักที่เผ็ดหมดแล้ว ไม่มีรสเค็ม รสหวาน ให้รู้สึกเท่าไหร่

 

 

ส่วนตัวแล้วผมเองก็ไม่ได้คิดว่าซีรีส์ต้องมาคอยทำฉากแฟนเซอร์วิส (ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ของ Straight หรือ LGBTQ+ ก็ตาม) แต่ใน Part 2 นี้ มันเหมือนกับว่า มันมีแต่โมเมนต์ที่เต๋ทำร้ายความรู้สึกโอ้เอ๋ว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเราก็ไม่เข้าใจว่าโอ้เอ๋วทนอยู่ได้ยังไง เว็ปดูหนังฟรี

ด้วยความที่ซีรีส์ 1 ตอน เทียบเคียงกับประมาณ 1 ปีการศึกษา มันจึงควรมีฉากที่ทำให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองยังดีอยู่เหมือนเดิม หรือ เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ซึ่งมันก็พอมี แต่ใน 3 ตอนแรก ส่วนมากจะโฟกัสไปที่การแสดงละครของเต๋ รวมถึงรายละเอียดของนักแสดง (ซึ่งเป็นเนื้อหาเฉพาะกลุ่มมาก ๆ) และความสัมพันธ์กับกลุ่มรุ่นพี่ อย่าง ไจ๋ และขิม มากกว่า กับโอ้เอ๋ว

และพอมีฉากกับโอ้เอ๋ว คือจะเป็นฉากที่ทำให้เรารู้สึกว่าโอ้เอ๋วโดนเต๋ทำร้ายอีกแล้ว ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม แทบไม่มีความสัมพันธ์แบบวันเวลาปกติของเต๋และโอ้เอ๋ว มันเลยชวนอึดอัดว่าทำไมสองคนนี้ยังคบกันได้ (คือ พอมีซีนเจอกัน ก็ต้องเป็นซีนพลังลบซะมากกว่า)

ซึ่งเอาจริง ๆ ในแง่ของการไปเล่าความสัมพันธ์กับเพื่อนเต๋ ผมชอบการเล่าพาร์ทของขิมมาก เรื่องความฝันของขิม เป็นอะไรที่ผมชอบนะที่มีประเด็นนี้อยู่ในซีรีย์ แต่พอเดินเรื่องหนักมาทางเต๋และเพื่อนรุ่นพี่ เลยทำให้เหมือนซีรีส์ไม่ได้เล่าเรื่องราวของเต๋และโอ้เอ๋วเลย ซึ่งจากเพลงเปิด เห็นพีพี ขึ้นมาชื่อแรก คิดว่าอีกสองตอนน่าจะมีบทเยอะกว่านี้นะ

 

 

เลยกลายเป็นว่าซีรีส์เดินเรื่องเหมือนกลัวคนดูจะไม่เชื่อว่า ทำไมจะต้องมีประเด็นให้เลิกกัน แต่ผมกลับเริ่มรู้สึกสวนทางคือ ผมเริ่มจะไม่ค่อยเชื่อว่า ทำไมโอ้เอ๋ว ถึงยังทนคบกับเต๋ คือมันอาจจะมีซีนอื่นที่อยู่ในบท แต่ไม่ได้อยู่ในหนัง เพราะอาจจะกลัวคนไม่เชื่อ GOAL ที่กล่าวไปแล้ว เลยไม่ได้เน้นฉากพวกนี้

มาพูดถึงอีกประเด็นหนึ่ง ที่ผมคิดว่าผมเห็นต่างจากหลาย ๆ กระแสในทวิตเตอร์ คือหลายคนบอกว่าเต๋ไม่เหมือนเต๋คนเดิม ที่เคยสละที่เรียน เพราะหวังจะให้โอ้เอ๋วได้เรียน ประเด็นนี้ผมกลับมองว่าเต๋ใน Part 2 คือเต๋คนเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด

เต๋เป็นคนที่ปากร้าย โลเล พูดไม่คิด และไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของโอ้เอ๋วเลย ทั้งที่เต๋เรียนถึงปี 3 แล้ว และคบกับโอ้เอ๋วมาเป็นปีแล้ว แต่ยังดูไม่โตขึ้นเลย ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่าโอ้เอ๋วทนอยู่ได้ยังไง (หรือยังไม่ถึงเป้าหมายที่จะเป็นจุด Coming of Age ของตัวละคร เต๋ ก็เป็นได้) นอกจากนี้เป้าหมายของเต๋ที่มองอะไรด้านเดียวอย่างการตามความฝันที่จะเป็นนักแสดง ก็ยังคงยึดมั่นถืมั่นเหมือนเดิม จนถึงปี 3 (แต่อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เพราะมีซีนกับขิมไปแล้ว)

 

 

สรุปว่าเรื่องนี้ควรค่าแก่การดุหรือไม่

สำหรับซีรีย์ของพี่ไทยเรื่องนี้ เรียกได้ว่าเป็นละครชั้นดี อีกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ ที่สื่อเรื่องราวของความรักในวัยรุ่น วัยว้าวุ่น หรือแม้กระทั่งความรัก ความเข้าใจของคนในครอบครัวอีกด้วย ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นซีรีย์ที่ทำออกได้ดีมากๆ และยังมีในเรื่องราวความรักของเพศเดียวกันที่เรียกได้ว่าสะบีบหัวใจคนดุมากๆกันเลยทีเดียว  ซึ่งทำออกมาได้แบบไร้ที่ติกันเลยทีเดียวเชียวล่ะคุณ เพราะฉะนั้น ห้ามพลาดหนังวายน้ำดีเรื่องเป็นเป็นอันขาดครับ เพื่อนๆสามารถติดตามการรีวิวหนังวาย ซีรีย์วาย สนุกๆ กันได้ที่นี่ รีวิวหนังวาย

 

 

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *